วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ดูแลเล็บให้สวย

วิธีดูแลเล็บมือ ให้สวยงาม สุขภาพดี

เล็บมือ
         พฤติกรรมบางอย่างของสาว ๆ อาจทำให้เล็บเกิดความเสียหายและหมดสวยได้ คู่หูเดินทางขอแนะนำเทคนิค ดูแลมือและเล็บมาฝากกัน
           1. ทะนุถนอมเล็บไม่ให้ได้รับอันตราย เช่น อย่าใช้เล็บเป็นเครื่องมือต่างไขควง และไม่ใช้เล็บหยิบจับของ แต่ใช้ปลายนิ้วแทน
           2. ควรสวมถุงมือระหว่างการทำงาน เพระาสารเคมีที่มีอยู่ในผงซักฟอก สบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาด อาจทำให้เล็บเปราะบาง ฉีกขาดได้ง่าย รวมถึงอาจจะทำให้ผิวหนังข้างเล็บอักเสบ
           3. ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บอย่างถูกวิธี เช่น เมื่อทาน้ำยาเคลือบเงาเล็บแล้ว ต้องทิ้งไว้ให้แห้งนาน 15 นาที เพราะหากเล็บที่ยังไม่แห้งไปถูกผิวหนังอาจทำให้ระเคืองได้
           4. ตัดเล็บให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันเล็บเท้าขบ โดยควรตัดเล็บเท้าให้ปลายเรียบเสมอกัน ไม่ตัดเล็บให้โค้งมากจนเกินไป เพื่อไม่ให้เล็บที่งอกออกมาใหม่แทงเข้าไปในหนังหุ้มเล็บข้าง ๆ และไม่ควรใส่รองเท้าที่คับหรือมีหัวแหลมเรียวเกินไป รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าส้นสูง เพื่อมิให้น้ำหนักทิ้งมาบนเล็บมากเกินควร
           5. ดูแลเล็บไม่ให้แห้งเกินไป เพราะจะทำให้เล็บเปราะและแตกง่าย ก่อนนอนจึงควรแช่มือลงในน้ำอุ่นสัก 10-15 นาที ซับน้ำให้แห้งหมาด ๆ แล้วทาครีมให้ความชุ่มชื้นที่มือและเล็บ
           ทาครีมบำรุงมือและเล็บเป็นประจำก่อนเข้านอน จากนั้นสวมถุงมือผ้าฝ้าย เพื่อช่วยคงความชุ่มชื้นจากครีมบำรุงให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวมือได้อย่างเต็มที่

10 วิธีดูแลเล็บมือ - เล็บเท้า
อาหาร-ความสะอาด ช่วยได้



ถ้าพูดถึงแฟชั่นแล้ว ทุกส่วนในร่างกายของเราก็มีสิทธิที่จะอัพเดทแฟชั่นได้เท่า ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นผม ที่ต้องคอยตามเทรนด์สี ทรง หรือจะเป็นร่างกาย ที่มักถวิลหาเสื้อผ้าที่ทันสมัย แบบ สีที่ไม่เอาท์ เท้า ก็ยังต้องการรองเท้าแบบที่ใส่สบาย แต่ไม่ตกเทรนด์ หรือแม้กระทั่งเล็บ ก็ยังต้องการการแต่งแต้มสีสัน เพื่อความสวยงาม

และวันนี้เราก็มี 10 วิธีการดูแลมือ เท้า หลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน และเล็บ ที่ไม่ค่อยได้หายใจเมื่อคุณแต่งแต้มสีสันลงไป

1. เราต้องทำความสะอาดมือ เท้า และเล็บ เสียก่อน โดยการใช้แปรงขนนุ่ม กับสบู่อ่อน ๆ ถูเบา ๆ บริเวณมือ เท้า และเล็บ อย่าลืมที่จะถูใต้เล็บด้วยละ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณที่มีเชื้อโรคเข้าไปสะสมอยู่มากที่สุด หลังจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

2. ควรตัดเล็บมือเป็นประจำ สัปดาห์ละครั้ง ส่วนเล็บเท้า 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง ไม่ควรตัดเล็บจนชิดบริเวณผิวหนังส่วนปลายนิ้วเกินไปเพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการเป็นแผลแล้วยังทำให้พื้นที่หน้าเล็บสั้นลงได้ และถ้าตัดชิดขอบลึกลงไปเรื่อยๆ จะดูเหมือนเล็บของคนที่ชอบกัดเล็บซึ่งไม่สวยงาม สำหรับเล็บเท้าควรตัดในแนวตรงเป็นทรงเหลี่ยม ไม่ควรตัดเล็บลงซอกข้างเล็บมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดเล็บขบได้

3. รับประทานที่มีประโยชน์ตามหลักโภชนาการ เพราะเล็บก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ต้องการสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตเหมือนกัน ส่วนสารอาหารที่เล็บต้องการ เช่น โปรตีน วิตามินเอ ซี และอี รวมถึงแร่ธาตุสังกะสีที่มีอยู่ในอาหารทะเลและเมล็ดธัญพืช

4. นอกจากสารอาหารแล้ว การทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำทุกวัน ยังช่วยป้องกันผิวมือไม่ให้หยาบกระด้าง โดยเฉพาะหลังจากที่มือต้องสัมผัสกับสารเคมีต่าง ๆ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน อีกวิธีหนึ่งที่เป็นการป้องกันก็คือ ในช่วงที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีต่าง ๆ ก็ให้สวมถุงมือทุกครั้ง

5. นวดนิ้วมือและเท้าด้วยครีมบำรุงหรือน้ำมันบำรุงผิว ประมาณ 3-5 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณมือและเท้า ควรนวดบริเวณปลายนิ้วและเล็บด้วยเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมสร้างเล็บที่อยู่บริเวณโคนเล็บ ถ้าไม่สะดวกระหว่างวันสามารถทำได้ในช่วงก่อนเข้านอนแล้วสวมถุงมือผ้าและถุงเท้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการซึมซาบสู่ใต้ผิวของน้ำมันหรือครีมบำรุง หรือจะใช้สครับสำหรับนวดเท้า เพื่อการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบัน สครับสำหรับมือและเท้าก็หาซื้อได้ง่าย และสามารถทำได้เองที่บ้าน เสียเวลาไม่นาน แต่รับรองว่าสบายผิวแน่นอน

6. เนื่องจากธรรมชาติสร้างเล็บให้ออกมาในรูปแบบของแผ่นโปรตีนชนิดแข็ง และให้ทำหน้าที่ปกป้องปลายประสาทที่มีอยู่มากบริเวณปลายสุดของร่างกายไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือน อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยในการหยิบจับ และแกะเกา ส่วนหน้าที่งัดแงะของแข็ง หรือว่าใช้เป็นไขควงในการหมุนนั่นหมุนนี่ ผิดวัตถุประสงค์นะคะ อาจจะทำให้เล็บฉีกได้

7. สำหรับสาว ๆ ที่ชอบทาเล็บเป็นชีวิตจิตใจ เรียกว่าไม่ยอมให้เล็บได้หายใจเลยแล้วละก็ ฟังทางนี้ ควรทาน้ำยารองพื้นเล็บก่อนทาสี เพื่อป้องกันการเกิดสีที่ไม่พึงประสงค์หลังจากการทาเล็บได้ระยะหนึ่ง และควรทาน้ำยาเคลือบเงาเล็บเพื่อความวาวและติดทนนาน แต่ไม่ควรทาเล็บสีเข้มติดต่อกันนานๆ ควรสลับสีอ่อนบ้าง และควรหยุดพักการทาเล็บเมื่อเห็นว่าสภาพเล็บดูแห้งหรือเกิดสีผิดปกติ

8. ในการเลือกซื้อน้ำยาทาเล็บ ควรคำนึงถึงการเลือกสีให้เหมาะสม ทั้งกับสีผิว โอกาสที่ใช้ สีเสื้อผ้า เครื่องสำอางและบุคลิกของตัวเอง

9. ควรศึกษาอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ เช่น วันหมดอายุ หรือสังเกตสภาพของผลิตภัณฑ์ว่ายังมีคุณภาพดีหรือไม่ โดยทั่วไปอายุของเครื่องสำอางเล็บอยู่ที่ประมาณ 3 ปี หรือดูจากลักษณะการแยกตัวของสีหากหมดอายุแล้วไม่ควรใช้เด็ดขาด

10. ในส่วนของเท้าก็ต้องการการดูแลเช่นกัน การเลือกรองเท้าให้เหมาะกับรูปร่างเท้าของเราก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาเท้าให้มีสุขภาพดี ซึ่งในการเลือกซื้อรองเท้านั้น เราควรเลือกรองเท้าที่สวมใส่พอดี ไม่คับ หรือหลวมจนเกินไป เพราะการเสียดสีในขณะที่เดินนานๆ จะทำให้ผิวเท้าเกิดหนังที่แข็งด้าน และการใส่รองเท้าที่คับเกินไปบริเวณปลายเท้าอาจเป็นสาเหตุให้เกิดเล็บขบ เวลาที่เหมาะสมในการเลือกซื้อรองเท้าคือช่วงกลางวันที่เท้าได้เดินจนขยายตัวแล้ว และหลังจากที่ใส่รองเท้าส้นสูงมาตลอดทั้งวัน หลังเลิกงาน ลองแช่เท้าในน้ำอุ่นสัก 10-15 นาที จะช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อล้าที่เท้าได้ค่ะ

และนี่ก็คือ 10 วิธีการดูแลมือ เท้า และเล็บของคุณ ให้ดูมีสุขภาพดีอยู่ตลอดเวลา

ดูแลเล็บให้สดใสดูสุขภาพดี

เล็บ

มาดูแลเล็บให้สดใสดูสุขภาพดี น่ามองกันดีกว่า (HAIR WORLD)

           เริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดเล็บ คุณควรล้างมือและเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ แล้วใช้แปรงขนนุ่มขัดตามซอกเล็บเบา ๆ เมื่อสะอาดดีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดหมดจด หลังจากนั้นชโลมครับบำรุงมือและเล็บ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและเล็บของคุณ

           แต่ถ้าคุณต้องการที่จะตัดเล็บ ขอแนะนำเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บ นั่นก็คือ หลังจากการอาบน้ำ การล้างจาน หรือแม้กระทั่งการซักผ้า (หากคุณยังนิยมซักด้วยมืออยู่) เพราะช่วงเวลาหลังจากนี้ เล็บจะมีความอ่อนนุ่ม ง่ายต่อการตัดแต่ง ทั้งนี้ หากคุณไม่ได้ทำกิจวัตรเหล่านั้นก็สามารถนำเล็บไปแช่ในน้ำอุ่น ทิ้งเวลาประมาณ 5 นาที ก็สามารถลงมือตัดได้เลย

           การตัดเล็บที่ถูกวิธีควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้าควรตัดให้เป็นแนวตรงมากที่สุด เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย และความสกปรกตามซอกเล็บ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดเล็บขบได้ง่าย แต่ก็ไม่ควรตัดจนสั้นชิดกับเนื้อมากเกินไป อีกทั้งหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุต่าง ๆ ไปงัดแงะขอบเล็บ หรือจมูกเล็บ เพราะอาจจะเกิดบาดแผลและมีการอักเสบขึ้นมาได้

           เมื่อเสร็จขั้นตอนการตัดแล้ว ขาดไม่ได้อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญก็คือการตะไบเล็บ ควรเริ่มตะไบจากขอบเล็บเข้าไปหาปลายเล็บ หากเป็นตะไบที่ทำมาจากเหล็ก ควรตะไบให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะอาจจะทำให้เล็บเกิดฉีดหักหรือเป็นเสี้ยนได้ แต่หากคุณใช้ตะไบที่ทำมาจากเซรามิกคุณสามารถตะไบให้สวนทางไปมาได้

           เห็นวิธีการทำกันแล้วเชื่อว่าคุณก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อที่คุณจะได้มีเล็บที่สวย สะอาด และที่สำคัญต้องรับประทานอาหารให้เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ แล้วคุณก็จะมีทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิวที่ดีอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น